น้องเกล
อูคูเลเล่...พาเพลิน
วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556
ส่วนปัญหาหลักๆที่พบคือ คือ กดคอร์ด D คนนิ้วใหญ่จะมีปัญหาแต่จะมีวิธี ถ้าเราฝึกจะหาวิธีกดของเราได้เองก็ไม่อยาก อย่างคอร์ด C จับอย่างไรก็ได้แค่ให้ตัวเองถนัด และคอร์ดต่อไปจะใช้นิ้วไหนก็ต้องให้มันสัมผัสกัน แต่ในยูทูบจะเห็นหลายแบบนั่นเพราะว่าเขาจะทำให้เก๋ๆ ไม่มีอะไรตายตัว ลองเอาหนังสือคอร์ดไปเปิดดูแล้วลองเล่นเพลงนั้น ถ้าคนเล่นกีตาร์มาก่อนจะจับจังหวะได้เร็วกว่า เพราะบางคนไม่คลิกเรื่องจังหวะ ส่วนใหญ่คนที่เล่นไม่เป็น คำถามแรก คือ "ดีดขึ้นกี่ทีดีดลงกี่ที" ก็จะสอนว่าเริ่มจากฟังก่อนแล้วจำเองให้ลงตรงกับที่หัวสมองบอกดีที่สุด หากไปบอกว่าดีลง 1 ที ขึ้น 2 ที ก็จะไม่ไปไหนเพราะเพลงแต่ละเพลงก็ไม่เหมือนกันดีดคนละแบบ ถ้าสามารถจับจังหวะเองได้ เข้าใจได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าฝึกทำได้แน่นอน ถ้าเล่นได้เองจะไปได้ไกล
ปรีดา จารุสุนทรศรี ผู้ดูแลเว็บไซต์ UkuleleThai.com บอกว่า การเริ่มก่อตั้งเว็บนี้ขึ้นมาเริ่มจาก(คุณวุฒิ) เกิดแรงบันดาลใจจากเครื่องดนตรีสัญชาติฮาวายที่ซื้อมาให้ลูกสาวเล่น หลังจากนั่งแกะโน้ตเอง รู้สึกว่ามันน่าสนใจและชอบมากจึงสนใจจริงจังจนนำมาสู่การสร้างเว็บขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนกับคนที่เล่นอูคูเลเล่ เริ่มขึ้นในปี 2551 มีคนสนใจประมาณ 80 คน พอปี 2552 เริ่มมีคนสนใจมากขึ้นจนกระทั่งปี 2553 มีคนเข้ามาเป็นสมาชิกแบบก้าวกระโดด 7,820 คน
ผู้ดูแลเว็บ UkuleleThai.com ยังบอกอีกว่า ทางทีมงานได้นำข้อมูลทางเว็บไซต์ต่างประเทศที่เขามีมาก่อนไทยนานแล้ว แกะวิธีการเล่น การดีด มาจากเว็บต่างประเทศล้วนๆ เพราะในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลเหล่านี้เลย ในเว็บจะมีวิธีการสอนและมีคลิปวิดีโอแนะนำสำหรับคนที่กำลังฝึกเล่นได้ดูตัวอย่างและทำตามจนกระทั่งเล่นเป็น
ผู้ดูแลเว็บ UkuleleThai.com ยังบอกอีกว่า ทางทีมงานได้นำข้อมูลทางเว็บไซต์ต่างประเทศที่เขามีมาก่อนไทยนานแล้ว แกะวิธีการเล่น การดีด มาจากเว็บต่างประเทศล้วนๆ เพราะในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลเหล่านี้เลย ในเว็บจะมีวิธีการสอนและมีคลิปวิดีโอแนะนำสำหรับคนที่กำลังฝึกเล่นได้ดูตัวอย่างและทำตามจนกระทั่งเล่นเป็น
วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556
10 วิธีในการคลายความเครียด
ความเครียด เป็นตัวการทำร้ายเราอันดับต้นๆ เพราะความเครียดนอกจากจะทำให้สุขภาพ ร่างกายแย่แล้ว ยังทำให้เกิดโรคร้ายอื่นๆตามมา เราจึงควรหาวิธีคลายเครียดเพื่อสุขภาพ ที่ดีของเรา
10 วิธีในการคลายความเครียด
1. ฟังเพลง หามุมสงบ
นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ
2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์
ขอแนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย
3. โทรหาเพื่อนรู้ใจ
อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ดีไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ
4. เขียนไดอารี่
การเขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจ ต่างๆ ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ
5. พลังแห่งการสัมผัส
ลองมองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบา ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
6. สร้างอารมณ์ขัน
พยายามมองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพ จิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง
7. สูดกลิ่นหอม
รู้หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มีผลในการช่วยปลุกประสาท สัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ
8. ไปตากอากาศ
หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น
9. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน
ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ
10. จินตนาการแสนสุข
อีกทางเลือกสำหรับการบรรเทาความหดหู่ในส่วนลึก เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆ จากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้ หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น
นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ
2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์
ขอแนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย
3. โทรหาเพื่อนรู้ใจ
อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ดีไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ
4. เขียนไดอารี่
การเขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจ ต่างๆ ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ
5. พลังแห่งการสัมผัส
ลองมองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบา ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
6. สร้างอารมณ์ขัน
พยายามมองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพ จิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง
7. สูดกลิ่นหอม
รู้หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มีผลในการช่วยปลุกประสาท สัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ
8. ไปตากอากาศ
หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น
9. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน
ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ
10. จินตนาการแสนสุข
อีกทางเลือกสำหรับการบรรเทาความหดหู่ในส่วนลึก เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆ จากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้ หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น
ประวัติความเป็นมาของ “Ukulele”
ขอบคุณที่มา http://www.youtube.com/watch?v=puSkP3uym5k
Posted by Plejung on 03/01/2012
“Ukulele” เป็นภาษาฮาวายเอี้ยน ที่มีความหมายแยกกันระหว่าง 2 คำ
“uku” แปลว่า “ของขวัญหรือรางวัล” ส่วน “lele” แปลว่า “การได้มา”
เมื่อนำสองคำนี้มารวมกันจึงหมายถึง “ของขวัญที่ได้มา”
Ukulele คือ (ออก
เสียงว่า อูกูลีเล) หรือบางคนเรียกอีกชื่อว่า อูกี (Uke)
เป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดเล็ก สามารถพกพาได้สะดวก
เป็นเครื่องดนตรีที่มีมาก่อนสงครามโลกอีกนะ อายุอานามไม่แพ้
อะคูสติกกีต้าร์ ต่างกันตรงที่ต้นกำเนิดและการพัฒนาที่ต่างกันเท่านั้นเองกีต้าร์โปร่งโด่งดังและพัฒนามาจากอเมริกา และ Ukulele เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาจากเกาะฮาวาย เกิดมาก่อนยุคสงครามโลก ต่อมาช่วงยุค 60′s เจ้า Ukulele โด่งดังและรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น เพราะนักดนตรีโฟล์คซอง และแจ๊ส ได้นำเอา Ukulala ไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ จนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา และรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น
จนกระทั่งช่วงปี 1990 เกิดกระแสขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Israel Kamakawiwo’ole(IZ) นัก ดนตรีจากเกาะฮาวาย ที่มีเอกลักษณ์ตัวอ้วนใหญ่คล้ายยักษ์ แต่เลือก Ukulele ตัวจิ๋วเป็นเครื่องดนตรีคู่กาย IZ จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก Ukulele จึงเกิดเป็นกระแสอีกครั้งพร้อมกับความโด่งดังของ IZ ที่มักมีคนนำเพลงไปประกอบหนังอยู่เป็นระยะๆ
IZ ได้ร้องและเล่นบทเพลง “Over the Rainbow/What a Wonderful World” ซึ่งทำให้ผู้คนเริ่มหลงเสน่ห์ในเสียงของ ukulele เข้าอย่างจัง
ปลายยุค 90′s หลังจากที่ Ukulele เริ่มแพร่หลายในอเมริกา Ukulele ยังมีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย หลังจากที่ “Jake Shimabukuro” เด็ก หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นฮาวายได้นำ Ukulele มาเล่นเพลงได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยลีลาสุดเร้าใจ ทั้งวิธีการนำเอาเพลงที่เคยได้รับความนิยมในอดีต มา cover ใหม่ด้วย Ukulele จึงทำให้ผู้ฟังสามารถเข้าถึงเสน่ห์ของ Ukulele ได้ง่ายขึ้น
Jake จึงถือเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดคนหนึ่ง ที่ทำให้วัยหนุ่มสาวยุคใหม่ เริ่มหันมาสนใจที่จะหัดเล่น ukulele อย่างจริงจัง นอกจากนั้นแล้ว ยังมีศิลปินยุคใหม่เช่น “Jack Johnson” และ “Jason Mraz” ก็ยังเล่น ukulele กับเขาด้วย
“Ukulele”
อาจเป็นเครื่องดนตรีชิ้นใหม่สำหรับบางคน แต่สำหรับนักดนตรี
หรือผู้คนบนเกาะฮาวาย(Hawaii) Ukulele เป็นเครื่องดนตรีที่เป็นเสมือนศิลปะ
และวัฒนธรรมของชาวฮาวายเอี้ยน Ukulele จะถูกเล่นในงานรื่นเริงต่างๆ ในทุกๆ
เทศกาล
จนกลายเป็นเครื่องดนตรีชิ้นเอกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งบนเกาะฮาวาย
นี่หล่ะ คือที่มาของ Ukulele
ที่กำลังนิยมอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นตอนนี้ แม้กระทั่งเราเอง ก็ยังอยากเล่น
ไม่ได้ตามกระแสนะ แค่ทนไม่ได้เฉยๆ เวลาที่ไปนั่งทำงานร้าน UKU Cafe’ ความรู้สึกดีๆ ของเสียงดนตรีมันซึมซับจนทำให้รู้สึกว่า “ไม่ได้เล่นยากอย่างที่คิด” เอาล่ะทีนี้ จะเสียเงินหรือไม่ เดี๋ยวรอดูต่อไป
ขอบคุณที่มา http://www.pleplejung.com/2012/01/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-ukulele/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)